การติดตั้ง Java Development Kit (JDK) 7.0

JDK ย่อมาจาก Java Development Kit) หรือเรียกเป็นทางการ ว่า Java SE (Java Standard Edition) เป็นชุดซอฟต์แวร์รุ่นมาตรฐานที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาจาวา เจ้าของซอฟต์แวร์นี้คือบริษัท Sun Micro system ต่อมาถูกบริษัท Oracle ผนวกกิจการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ปัจจุบัน (มกราคม 2555) ได้ออกมาถึงเวอร์ชัน 7 แล้ว

นอกจากชุดนี้แล้วยังมี Java EE (Java Enterprise Edition) สำหรับการใช้งานกับองค์กรขนาดใหญ่ Java ME (Java Micro Edition) สำหรับอุปกรณ์ Mobile

ส่วน JRE นั้น เป็น Java Runtime Environment ใช้สำหรับการรันโปรแกรมจาวาที่อยู่ในรูป class file ประกอบด้วย Java Virtual Machine (JVM) ซึ่งทำหน้าที่แปลง byte code ให้เป็นภาษาเครื่องของ CPU ต่าง platform กัน มี runtime library ประกอบการทำงานของโปรแกรม ไม่สามารถนำ JRE ไปใช้ในการพัฒนาโปรแกรมได้ เพราะขาด Development tools เช่น compiler(javac.exe) Interpreter (java.exe) และ debugger (jdb.exe) เหมาะสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งานจาวาที่อยู่ในรูป class file อย่างเดียวเท่านั้น JRE มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับ JDK อันที่จริงเมื่อติดตั้ง JDK จะพบว่า JRE จะถูกติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์เช่นกัน

ขั้นตอนการติดตั้ง

ขั้นที่ 1: Download โปรแกรม java

เช่้าไปที่เว็บไซต์ http://www.oracle.com/technetwork/java/javase/downloads/index.htmljava download website

เว็บเพจเดียวกันนี้ เลื่อนลงไปด้านล่าง ตรงหัวข้อ Additional Resources ดาวน์โหลด ไฟล์ Documentation ของจาวา 7 มาเก็บไว้ด้วย (เป็นไฟล์ที่อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ของคลาสที่มีอยู่ในจาวา มีประโยชน์มากในการเขียนโปรแกรม เพราะเราใม่สามารถจำ method และ attribute ของคลาสทั้งหมดได้ ต้องเปิดดูรายละเอียดจาก Java document นี้)

ต้องยอมรับ License agreement ก่อนจึงจะ download ได้

ขั้นที่ 2: ติดลั้ง JDK
  1. ดับเบิลคลิกที่ ไฟล์ jdk-7ul-windows-x64.exe ที่ดาวน์โหลดมา โปรแกรมจะเริ่มทำการติดตั้งโปรแกรม เหมือนกับการ setup โปรแกรมทั่ว ๆ ไป คลิกที่ปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
  2. จะแสดงโฟลเดอร์ที่ทำการติดตั้งโปรแกรมจาวา และจะติดตั้งสิ่งใดลงในฮาร์ดดิสก์บ้าง จากรูปจะเห็นว่าเราไม่ต้องการ “ตัวอย่างโปรแกรม” และ “source code” ถ้าต้องจะเอามาไว้ศึกษา ให้คลิกที่เครื่องหมาย กากบาท ให้กลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมของฮาร์ดดิสก์ คลิก Next เพื่อติดตั้งต่อไป
  3. โปรแกรมจะทำการติดตั้งต่อไป โดยแตก zip file ต่าง ๆ นำไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์
  4. เมื่อการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ จะมีข้อความบอกว่า Successfully installed ให้คลิกที่ปุ่ม Finish
  5. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราติดตั้งมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ จะขึ้นหน้าเพจให้ลงทะเบียน online โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ประโยชน์ของการลงทะเบียนก็คือ เราจะได้รับการแจ้งข่าวต่าง ๆ เมื่อจาวามีการปรับปรุง หรือจัดทำ patch เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้รับเงื่อนไขพิเศษในการซื้อผลิตภัณฑ์ของ Oracle รวมทั้งการจัดอบรมต่าง ๆ ที่บริษัทจัดให้มีขึ้น ถ้าเราไม่ต้องการประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ก็ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย
  6. ไปที่โฟลเดอร์ c:\Program Files\Java\jdk7.1.0_01 สร้างโฟลเดอร์ใหม่ชื่อ docs เพื่อเก็บไฟล์ Java Document ที่ download มาไว้ที่นี่แตก zip file ไว้ภายใต้ไดเรกทอรี่นี้ ถ้าเราจะเขียนโปรแกรมจาวาโดยใช้ eclipse เป็น editor ไม่จำเป็นต้องแตก zip fileให้เปลืองเนื้อที่ เพราะโปรแกรม eclipse สามารถอ่านข้อความที่เก็บไว้ใน zip file ได้
ขั้นที่ 3: กำหนด Path

ขั้นตอนนี้เป็นการกำหนด path เพื่อให้สามารถเรียกใช้คอมไพเลอร์(compiler, javac.exe)  และ java runtime (java.exe) จากไดเรกทอรี่อื่น ๆ ได้ โดยการเข้าไปกำหนดค่า ตัวแปร Path  ที่เก็บไว้ใน Environment ดังนี้

    1. นำ pointer ของเมาส์ไปวางไว้ที่ไอคอน  Computer  แล้วคลิกเมาส์ปุ่มขวา >> คลิกที่ “Properties..”
    2. จะมีหน้าต่าง Control panel home  ขึ้นมา  คลิกที่บรรทัด Advanced system setting

    1. คลิกที่แท็บ Advanced  เลื่อนเมาส์มาคลิกที่ Environment  Variable.. ที่ด้านล่างของหน้าต่าง

    1. จะมีหน้าต่าง Environment Variables.. ผุดขึ้นมา  เลือกที่ข้อความ System Variable   เลื่อน scrollbar จนพบตัวแปรชื่อ Path   คลิกปุ่ม Edit

    1. พิมพ์ข้อความต่อไปนี้ต่อท้ายข้อความเดิมในช่อง variable value  “;C:\Program Files\Java\jdk1.7.0_01\bin;”  คลิกปุ่ม OK  (รวม 3 แห่ง) ปิดหน้าต่าง System properties

    1. ไปที่ Command shell หรือ CMD shell   โดย  กดปุ่ม windows      + R  พร้อม ๆ กัน

พิมพ์ “cmd” (เป็นคำย่อของ Command)  แล้วคลิก OK

    1. ทดลองพิมพ์คำว่า  c:\….\java –version ถ้าโปรแกรมจาวาที่เราติดตั้งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  จะได้ข้อความแสดงเวอร์ชันของจาวาดังรูป

    1. ทดลองพิมพ์ c:\…\javac จะมีข้อความแสดง Option ต่าง ๆ ของโปรแกรม javac (ย่อมาจาก java compiler) ปรากฎให้เห็น

ขั้นที่ 4: ทดลองเขียนโปรแกรมภาษาจาวา

สร้างโปรแกรมภาษาจาวาสั้น ๆ เพื่อทดลอง compile และ run โปรแกรมที่สร้างขึ้น

    1. ใช้ editor (NotePad, Editplus, NotePad++, TextPad ฯลฯ) เขียนโปรแกรมดังต่อไปนี้  ในการพิมพ์ต้องระวังเรื่องอักษรตัวใหญ่และตัวเล็กด้วย
      class  firstTest {
      public static void main(String[ ] args) {
      System.out.println(“*************************************”);
      System.out.println(“This is my first program in Java”);
      System.out.println(“*************************************”);}
      }
    2. Save โปรแกรมเก็บไว้ในชื่อ firstTest.java ในที่นี้เก็บไว้ที่ไดเรกทอรี Documents
    3. ออกไปที่ Command shell  ไปที่ไดเรกทอรี Documents ที่เก็บโปรแกรม firstTest.java  พิมพ์คำสั่ง “c:\…\javac firstTest.java” ถ้าโปรแกรมไม่มีข้อผิดพลาด จะแสดงข้อความดังรูป (javac ย่อมาจาก java compiler เป็นการแปลภาษาจาวาให้เป็นภาษาเครื่อง หรือเรียกในภาษาจาวาว่า byte code )

    1. เมื่อเปิดดูที่ ไดเรกทอรี “Documents” จะพบไฟล์ ชื่อ firstTest.class ซึ่งเป็น byte code ที่ได้จากการแปลของ java compiler

    1. ทดสอบการทำงานของโปรแกรม firstTest.java โดยพิมพ์คำสั่ง c:\…\java firstTest  (java เป็นโปรแกรมที่นำ byte code ในไฟล์ class ในที่นี้คือ firstTest.class มาประมวลผล) ในการพิมพ์นั้น ให้พิมพ์เฉพาะชื่อ firstTest ไม่ต้องตามหลังด้วย .class


ถึงขั้นตอนนี้ ก็พร้อมที่ก้าวสู่อาณาจักรการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาจาวาแล้ว

ใส่ความเห็น